(Thai version of Chaiyaphum Murder case)
กลิ่นเหม็นคาวปลาจาก จังหวัดชัยภูมิ
วันพุธ ที่4 พฤศจิกายน 2558
หนึ่งฆาตกรรมที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สุนัขตาย50ตัว และทิ้งชาวต่างชาติไว้ที่รกร้างแห้งหนึ่งในประเทศไทย
เมื่อสองปีที่ผ่านมามีชาวต่างชาติโดนยิงที่บ่อปลาใน จังหวัดชัยภูมิ และตำรวจในประเทศไทยไม่ได้ช่วยเหลือหรือติดตามผู้กระทำความมาดำเนินคดี ถึงแม่ว่ามีหลักฐานชัดเจนจาก DNA และพยาน
สัปดาห์นี้มีพยานถูกคุ้มครองจาก DSI ในกรุงเทพมหานครหลังจากที่โดนข่มขู่มา แต่ภรรยาของชาวต่างชาติ ที่เกิดในประเทศไทย สัญชาติ สหรัฐอเมริกา บอกว่ามันคือการจัดฉากขึ้นมา และไม่ได้หวังว่าการตรวจสอบความจริงจะเกิดขึ้น
คดีนี้อยู่ในความคุ้มครองของ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเขาให้เวลา 6 เดือนที่จะทำสำเร็จ แต่ 4 เดือนผ่านไปแล้วคดียังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ถึงแม้ว่า ทนายจะไปสอบปากคำพยานจากที่เกิดเหตุและไปที่สำนักงานอัยการ จังหวัดชัยภูมิ แต่หาแฟ้มคดีไม่พบและคาดว่ารูปถ่ายถูกทำลายไปแล้ว และตอนนี้ยังพยายามค้นหาแฟ้มคดีอยู่
นายทองพูน บุญเงิน นาย Uwe Seeliger
Uwe Seeliger จาก 170,000 บาท สำหรับสินสอด แต่เขาผิดหวังในคืนวิวาห์เพราะฝ่ายหญิงแสดงอาการไม่พอใจฝ่ายชายและหลังจากนั้นฝ่ายชายทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงและขืนใจจนสำเร็จ หลังจากนั้นฝ่ายหญิงหนีออกมาแล้ไปหา นาย Jawad Rasheed Khan และภรรยา และนาย Uwe Seeliger ตามไป และพยายามบังคับให้ฝ่ายหญิงกลับบ้านไปกับตนเองแต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธ จึงทำให้นาย Uwe Seeliger ไม่พอใจและบังคับให้ฝ่ายหญิงคืนเงินค่าสินสอน เป็นจำนวนเงิน 170,000 บาท
มีคนเห็นผู้ต้องหาซื้อเป็นลูกจ้างที่บ่อปลาและคนอื่นยืนกันอยู่เป็นกลุ่ม ซึ่งพยานบุคลนี้เห็นว่ามีการยื่นเงินให้กับคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุประมาณ 1-2เดือน
ลูกจ้างในบ่อปลาที่ชื่อ นาย จิระ เสาะสาย ให้ยาที่เป็นพิษกับสุนัขกิน ทำให้สุนัขตายทั้งหมด 50 ตัวเป็น 23 ตัว ตายในไร่ และ27 ตัว ตายนอกไร่
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 หลัง 17.00 น. นาย Jawad Rasheed Khan และเดินทางเข้าไปที่บ่อปลาและไปพบ นาย ทองพูน บุญเงิน กับลูกจ้างคนหนึ่งกำลังขโมยปลาขึ้นรถเพื่อไปขาย ทำให้มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรง และนายทองพูน บุญเงิน พูดเหมือนจะทำร้ายร่างกายนาย Jawad Rasheed khan แต่ก้ไม่ได้ทำและทำการขโมยปลา 300 กิโลกรรมสำเร็จ และหลบหนีไปกับแฟนสาว
การชันสูตรศพของนาย Jawad Rasheed khan พบว่ามีลูกกระสุน 3 ลูก มาจากปืน 2 กระบอก และเป็นการจ่อยิงให้ระยะประชิด และมีลอยลากศพอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่นาย ทองพูน บุญเงิน ซึ่งนอนอยู่กับผู้ตายให้การว่าเห็นคนร้ายยิงมากจากทางหน้าต่างแต่ไม่เห็นใบหน้าของคนร้าย แต่ไม่มีรอยเลือดติดอยู่บนที่นอน ในขณะที่ผู้ตายนอนอยู่ทางด้านซ้าย นายทองพูน บุญเงิน นอนอยู่ทางด้วยขวาแต่หลังจากถูกยิง ผู้ตายหลังตกลงมากจากที่นอนมาอยู่ทางด้านขวา
ปัญหาหลักๆก็คือตำรวจไม่สั่งตรวจสอบร่างกายผู้ต้องหา แต่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบพบว่ามี DNA อยู่ในหลักฐานถึง 3 DNA แต่ก้ไม่ทราบว่าเป็น DNA ของใคร
คุณ วนิดาบุญเงิน กล่าวว่า ตำรวจบอกว่าจะตรวจสอบหลักฐาน แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรเลย
ชายขายเยอรมัน มีปัญหากับ นางสาว วนิดา บุญเงิน เพราะเธอหาภรรยาให้เขา
นางสาว วนิดา บุญเงิน อยู่ที่บ้านพักที่ กรุงเทพมหานคร ในตอนที่ นาย Jawad โดนยิงที่บ่อปลา และคุณ วนิดา บุญเงิน ได้ไปขอร้องให้ตำรวจช่วยเหลือ แต่ตำรวจกลับตอบมาว่า “อย่าก้าวก่ายหน้าที่ของตำรวจมากเกินไป เดียวคุณจะเดือดร้อน ระวังตัวไว้”
สถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ
ปัญหาหลักที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิไม่ดำเนินคดีก็คือ ผู้ตายมีสัญชาติ ปากีสถาน และตำรวจจังหวัดชัยภูมิ ไม่เห็นความสำคัญของคนสัญชาตินี้ถ้าให้เปรียบเทียบชีวิตของนาย Jawad Rasheed Khan ซึ้งถือสัญชาติ ปากีสถาน ก็เหมือนสุนัขที่ตายอยู่ข้างถนน
คุณ วนิดา บุญเงิน ได้ขอความช่วยเหลือจากทุกๆที่ เช่น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.),
กรมตำรวจแห่งชาติ, DSI , สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
คุณ วนิดา บุญเงิน พยายามที่จะหาหลักฐานการเสียชีวิตของสามีด้วยตนเอง แต่เธอก้รู้ว่ามันอันตรายกับตัวเธอเอง เช่น
-
มีมือปืนเข้ามาที่บ่อปลาเพื่อที่จะลอบทำร้ายเธอ แต่มีพนักงานเห็นตัวคนร้ายก่อน คนร้ายจึงหลบนี้ไป เหตุเกิดวันที่ 2 เมษายน 2557
-
มีคนยิงปืนขึ้นบนฟ้าเพื่อขู่ให้เธอกลัว ประมาณ 12-14 นัด หลังจากนั้นก้ได้มีการแจ้งตำรวจมาแต่ไม่มีการลงบันทึกประจำวันใดๆทั้งสิ้น
-
มีพยานคนหนึ่งกล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นกับนาย Jawad Rasheed Khan ก็จะเกิดขึ้นกับต้นเองเช่นกัน เพราะได้รับการข่มขู่จากผู้ต้องหารายหนึ่ง
ถ้านาย Jawad Rasheed Khan เป็นผู้หญิงที่มาจากประเทศอังกฤษ อายุ 23 ปี ข่าวคงจะออกไปทั้วโลก แต่ข่าวนี้ถูกตีแผ่แค่ในประเทศไทย
พี่ชายของคุณ วนิดา บุญเงิน ที่ชื่อนาย ทองพูน บุญเงิน และชายชาวเยอรมันที่ชื่อ นาย Uwe Seeliger หลังจากที่คนร้ายทั้ง 2 โดนจับกุมตัว ก็ได้มีการปล่อยตัวโดยได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
And this seems a bit academic anyway – because with the suspension of the 2007 by theThai military junta and National Council for Peace and Order – both the DSI and TNHCR have had their powers
ถ้าจะเปรียบเทียบความสำคัญของคดีเรากับคดีที่เกาะเต่า ซึ่งตำเราไทยได้มีการเรียก สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อไปสอบปากคำการสอบสวนของ นาย ซอ ลิน และนาย วาย พาโย ที่เป็นชาวเมียนมา ซึ่งชายสองคนนี้รอการตัดสินคดีฆ่าและข่มขืน Hanna Witheridge และ David miller ทั้งสองเป็นชาวอังกฤษ คดีนี้เกิดขึ้นที่เกาะเต่า ในปี 2014
แต่ถ้าคนเห็นว่าคดีที่เกาะเต่าเป็นคดีที่หน้าหวาดกลัว ลองมองกลับมาดูคดีของเรา คดีเราเห็นได้ชันเจนว่าตำรวจไทยไร้ความสามารถและมีการทำผิดพลาดในหลายๆจุด เกี่ยวกับการสอบสวนคดีฆาตกรรม(ตำรวจบอกว่ามีหลักฐาน DNA แต่ไม่สั่งตรวจสอบผู้ต้องหาและคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ) ถ้าเปรียบเทียบกันที่ชัยภูมิร้ายแรงกว่าคดีที่เกาะเต่า